จดหมายถึง Pedro Mairal




งานหนังสือที่ถูกจัดขึ้นประจำปีของประเทศสยามในปีนี้ไม่ค่อยคึกคักเท่าปีที่ ผ่านมา มองไปรอบหอประชุมกว้างใหญ่ที่ทอดยาวไปด้านหน้าเป็นสถานที่จัดงาน มีบูธหนังสือวางเรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อย ฉันเดินทอดน่องจากบูธหนึ่งไปอีกบูธหนึ่งอย่างไร้จุดหมาย ฉันยังมองไม่เห็นหนังสือที่น่าสนใจสำหรับปีนี้


เวลาที่ใช้พิจารณาหนังสือของแต่ละบูธค่อยๆหมดไปพร้อมเรี่ยวแรงที่ลดลง ฉันเดินออกมาจากหอประชุมใหญ่เพื่อนเดินเรียบไปตามทางเดิน ภายนอกนี้ยังคงมีบูธหนังสือขนาดเล็กตั้งขายหนังสือ รวมถึงมีเวทีขนาดย่อมสำหรับให้นักเขียนมาพบปะกับนักอ่าน ฉันเมินความสนใจจากเวที แม้ตอนนี้จะมีศิลปินชื่อดังที่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าร่วมเสนอหนังซึ่งถูกทอดออกมาจากหนังสือนวนิยายแนวท่องเที่ยวเรื่องหนึ่ง ผู้คนรอบกายกำลังตั้งกล้องถ่ายภาพบนเวทีอย่างจดจ่อ ส่วนฉันก็เดินพยายามเดินผ่านไปอย่างมุ่งมั่นเช่นกัน


หนังสือวรรณกรรมต่างประเทศถูกวางเรียงเป็นแถวสูง บ้างก็ถูกจัดให้มีมิติอยู่บนชั้นวาง อีกหนึ่งบูธที่ฉันกำลังจะเดินเข้าไปเยี่ยมชม ด้านหลังกองหนังสือขยาดใหญ่มีผู้หญิงผมยาว สวมเสื้อยืดสีขาว คลุมด้วยผ้าสีดำพลิ้ว เธอมีใบหน้ายิ้มแย้มสดใสเมื่อฉันเดินมาหยุดอยู่หน้าบูธของเธอ


หนังสือชื่อประหลาดตรงหน้าทำเอาฉันแทบจะไม่สนใจน้ำเสียงและการโฆษณาหนังสือแนะนำจากเธอแม้แต่น้อย ฉันยืนแน่นิ่งกวาดสายตามองดูปกหนังสืออย่างพิจารณา จุดสนใจของฉันถูกดึงดูดด้วยหนังสือเล่มเล็กสีขาวปกสีฟ้าอ่อนปนน้ำเงิน ‘ปีที่หายไปของฆวน ซัลบัตเตียร่า’ ขนาดเล็กกะทัดรัดของมันคือสิ่งแรกที่ฉันมุ่งความสนใจ อย่างที่สองคือไม่มีอะไรทำให้ฉันสนใจนอกจากขนาดเล็กจิ๋วของมัน


“ขอเล่มนี้ค่ะ” ฉันบอกขณะที่กำลังพลิกหนังสือเล่มด้านบนสุดออกเพื่อหยิบอีกเล่มด้านล่าง เพราะความรู้สึกที่ว่ามันจะถูกปกป้องและดูใหม่กว่า


“เรื่องนี้ดีมากเลยนะคะ วรรณกรรมจากอาเจนติน่า หนังสือขายดีเลยล่ะ” สาวผมยาวเริ่มขยับปากเล่าสรรพคุณอีกครั้งไปพร้อมๆกับการจับหนังสือลงใส่ถุงพลาสติกใส หล่อนเหมือนกับเครื่องขยายเสียงที่ถูกใส่โปรแกรมข้อมูลเอาไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งหล่อนสามารถจะพูดได้ตลอดเวลาที่มีลูกค้าเดินผ่านไปผ่านมาหน้าบูธ



หนังสือเล่มสีขาวปกสีฟ้าอ่อนปนน้ำเงินเพียงเล่มเดียวที่ถูกหยิบออกมาจากกองหนังสือนับสิบเล่ม การตัดสินใจเลือกอ่านหนังสือสักเล่มเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอการตอบกลับจากลูกค้า ฉันไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่หากมันไม่ใช่เรื่องที่ฉันกำลังสนใจ ฉันพลิกหนังสือไปด้านหลังเพื่อนอ่านเรื่องย่อ ฉันไม่ได้มีความคิดที่ดีนักว่าหนังสือเล่มนี้จะสนุกน่าค้นหา ความคิดแรกที่ฉันมีต่อมันก่อนจะตัดสินใจจ่ายเงิน ก็เพียงเพราะว่ามันมีขนาดเล็กและบาง


ข้อมูลด้านท้ายของปกบอกสรรพคุณถึงรางวัลการันตีว่ามันดีเยี่ยมมากแค่ไหน ฉันกระตุกยิ้มมุมปากเพราะไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ เป็นที่รู้ว่าการตลาดจะสามารถดึงให้คนสนใจสินค้าได้ แน่นอนว่าฉันคิดว่าคำชมหรือแม้แต่คำโฆษณาชวนเชื่อเหล่านั้นก็แค่คำหลอกลวง


จากหลังก็ถูกพลิกกลับมาด้านหน้า ฉันอ่านชื่อเรื่องใหม่อีกครั้งในใจ พยายามพิจารณาว่าหน้าปกแถบสีฟ้าหมายถึงอะไร มันคล้ายกับม้วนอะไรสักอย่างที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก ซึ่งพยายามคิดอยู่สักพักมันก็ถูกฉันหมดความอดทน ฉันเปิดหน้าปกออกและค่อยๆไล่อ่านไปทีละหน้า มีคำสรรเสริญจากคนดังที่ฉันไม่รู้เขียนอวยยกย่อ ฉันเปิดข้ามไปเพราะไม่อยากอ่านสิ่งที่อาจจะเป็นตัวบอกใบ้ทั้งเรื่องก่อนที่ฉันจะอ่านมัน อีกหน้าเป็นข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับบริษัทที่ตีพิมพ์หนังสือ และก่อนจะเปิดข้ามไป ฉันจดจำว่าหนังสือเล่มนี้มาจากสำนักพิมพ์ใด ฉันจำได้อยู่ไม่กี่วินาที ซึ่งเมื่อฉันพลิกเปิดมาอีกหน้าที่เป็นคำนำของสำนักพิมพ์ ฉันก็เล่มไปหมดสิ้น


กระดาษคือสถานที่เพียงแห่งเดียวในจักวาลที่พระผู้เป็นเจ้าเว้นว่างไว้เพื่อเรา


บ้าบอที่สุด เพียงแค่คำนำสองบรรทัดแรกก็สะกดให้ฉันฉงนในใจ ช่างน่าประหลาดใจที่นี่เป็นเพียงแค่คำนำจากการเขียนทักทายของสำนักพิมพ์ ยังไม่ทันได้เริ่มอ่านเนื้อด้านในเสียด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเจออะไรบ้าง แต่เชื่อหรือไม่ว่าตั้งแต่คำนำสองบรรทัดที่สะกดกัดฉันเอาไว้ มันได้กลืนฉันเข้าไปภายในหนังสือจนกระทั้งปิดหน้าสุดท้ายเพื่อกลับมารับอ่านที่ปกหลังอีกครั้ง


ปีที่หายไปของฆวน ซัลบัตเตียร่า กำลังทำใจของฉันสั่น ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของตัวเอง ฉันกำลังพยายามหาเหตุผลต่างๆนานามาบอกว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่มันเล่มบาง



ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถอ่านหนังสือที่คิดว่าไม่น่าจะสนุกได้จนจบภายในเวลาสามถึงสี่ชั่วโมง ฉันไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่ การจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือเป็นเรื่องยากสำหรับคนอย่างฉัน แต่หนังสือเล่มสีขาวเล่มนี้กำลังทำมัน


ปีที่หายไปของฆวน ซัลบัตเตียร่าถูกหยิบขึ้นมาครั้งหลังจากที่มันเพิ่งถูกวางลงไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ ฉันกำลังทำเหมือนคนบ้า ราวกับว่าฉันต้องการคำตอบบางอย่างจากหนังสือเล่มนี้ อยากให้มันมากกว่าตัวหนังสือที่ถูกเขียนลงไป ฉันอยากให้มันมีปากและตอบคำถามฉันได้


ความรู้สึกบางอย่างที่หายไปจากชีวิตของฉันถูกดีดตัวให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ฉันไม่อยากจะจมอยู่กับความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาไม่รู้เวล่ำเวลา ฉันวางหนังสือลงอีกครั้งและตัดสินใจว่าจะไม่หยิบมันขึ้นมาอีก มันกำลังทำให้ฉันบ้า


ฉันพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองด้วยการลุกจากเก้าอี้ไปยังเคาท์เตอร์ที่ร้านกาแฟเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแห่งหนึ่ง ฉันเริ่มไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ากาแฟที่ฉันคิดจะสั่งมาดื่มในคืนนี้จะช่วยให้ฉันตาสว่างขึ้นได้หรือไม่ หากเท่าที่รู้ในตอนนี้ ฉันมีความรู้สึกประหลาดกับการได้อ่านหนังสือเล่มสีขาวจบไป เรื่องราวของฆวนยังวนเวียนก่อกวนความคิดของฉัน


ฉันเดินกลับไปนั่งรอที่โต๊ะเพื่อรอกาแฟ รอบโต๊ะที่ฉันนั่งเต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของเพื่อนสนิทและเพื่อนของหล่อน คืนนี้ยังอีกยาวไกลสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่สี่ ที่ต้องนั่งปั่นสารนิพนธ์ตัวจบส่งให้ทันเวลา ฉันมองเข้าไปบนหน้าจอของเพื่อนสนิทที่กำลังพิมพ์หนังสืออธิบายท่ารำที่ตัวเองได้ออกแบบและจัดการแสดงขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมา มันเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมแม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ในการแสดงที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ และรัก ทำให้งานเหล่านั้นออกมามีพลัง เหมือนกับการที่ฆวนพยายามวาดภาพไปเรื่อยๆด้วยความรักหรือเปล่า


เสียงสั่นไหวของเครื่องบอกเวลารออาหารจากทางร้านดังขึ้น ฉันสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบคว้ามันและเดินไปยังเคาท์เตอร์เพื่อรับอเมริกาโน่ร้อนที่ถูกบรรจุลงในแก้วกระเบื้องสีขาวมา ฉันถือถาดกาแฟผ่านเคาท์เตอร์เครื่องปรุง เมื่อพบว่ามันปราศจากอบเชยที่ฉันชื่นชอบ


พอกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ฉันก็ยังคงต้องเผชิญกับหนังสือเรื่องปีที่หายไปของฆวน ซัลบัตเตียร่า มันกำลังท้าทายฉัน ส่งสายตาเย้ยหยันเมื่อความรู้สึกของฉันที่ยังคงอัดแน่นไม่ได้คลายลง

เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่ฉันคิดต่อต้านความรู้สึกอัดอั้นของตัวเอง ฉันตัดสินใจเมินอเมริกาโน่ร้อนเพื่อกลับมาสนใจหนังสือเล่มเจ้าปัญหากวนใจอีกครั้ง หน้าประวัติของผู้แต่งถูกเปิดหาเป็นสิ่งแรก ฉันกวาดสายตาอ่านชื่อผู้แต่งอย่างตั้งใจ


Pedro Mairal ถูกพิมพ์ลงไปในหน้าจอโทรศัพท์มือถือก่อนจะถูกกดค้นหา ฉันรู้ว่ามันเป็นความคิดงี่เง่าที่จะหาข้อมูลติดต่อไปหานักเขียนท่านนี้ แต่ฉันก็ทำมัน และได้พบมากกว่าประวัติส่วนตัวของเขา ฉันเจออีเมลของเข้าซึ่งถูกโพสต์เอาไว้ด้วยตัวของเขาเอง


ขณะที่กำลังพิมพ์อีเมลของ Pedro Mairal ลงในช่องการติดต่อของอีเมลส่วนตัว ฉันใจสั่นไหว ความรู้สึกตื่นเต้น ราวกับว่าตอนนี้ฉันได้พูดคุยกับเขาต่อหน้า และเขากำลังมองดูฉันที่กำลังสั่นไปด้วยความดีใจ ฉันพิมพ์ข้อความไปถึงเขาเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันรู้สึกออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เป็นการใช้หลักไวยากรณ์แบบพื้นฐาน ฉันอ่านทวนประโยคที่ตัวเองพิมพ์ลงไปเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ข้อความเพียงสองบรรทัดแต่สามารถทำให้ความอึดอัดของฉันคลายลงไปได้บ้าง ฉันกดส่งและปิดหน้าจอโทรศัพท์ลง ราวกับว่าฉันหมดสิ้นความอัดอั้นนั้นแล้ว


ฉันก็เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ ฉันโตมากับการดูทีวีและการเล่นวีดีโอเกมในยุค 90 แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งที่ฉันได้เกิดตกหลุมรักในตัวหนังสือที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากหลากหลายผู้คน มันทำให้ฉันลืมไปว่าแท้จริงแล้ว ฉันเคยบอกกับตัวเองว่าไม่ชอบอ่านหนังสือ ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป ไม่เพียงแค่ฉันรู้สึกหลงรักการอ่านเรื่องราวต่างๆมากขึ้น ฉันยังรักที่จะเขียนสิ่งที่ฉันคิดออกไปให้ผู้คนได้รับรู้เช่นกัน





Thank you Mr.Pedro Mairal 






Thank you for your email. Im so happy that you read the book

and liked it in the Thai version. I hope to travel some day to Thailand.



Best.

Pedro Mairal

 



เขียน : LIU TEJA
#บทความ

Contact 
: https://storylog.co/Liuteja
: liew.12829@gmail.com

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Larva หนอนรักเพื่อนยาก

I Just Wanna Listen (TIFFANY)